Blog Layout

ทำไมซื้อบ้านแล้วมีเงินเหลือ?

Devcron Intelligence • October 3, 2021

การกู้ซื้อบ้านกับธนาคารแล้วมีเงินเหลือมันหมายถึงยังไง เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง

ทำไมซื้อบ้านแล้วยังมีเงินทอนด้วยล่ะ

ซื้อบ้านแล้วมีเงินทอน (เงินเหลือ) มันคือ...

มันก็คือการที่วงเงินกู้ที่ธนาคารอนุมัตินั้นมากกว่าราคาที่ผู้ขายเสนอขาย รวมกับค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ นั่นเอง


ปัจจัยที่ทำให้มีเงินเหลือ...หลักๆก็คือ...

ราคาประเมินธนาคารต้องสูงกว่าราคาขายของบ้าน  และ

กำลังซื้อของลูกค้าสูงกว่าหรือเท่ากับราคาประเมินธนาคาร (แต่ถ้าสูงกว่ายิ่งดีเผื่อได้สิทธิ์การกู้เพิ่มสำหรับประกันชีวิตและอัคคีภัย)


นโยบายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารว่าให้กี่เปอร์เซ็นต์ของราคาประเมินธนาคาร เช่น 100% หรือ 90% หรือ 95% ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้กู้และบริษัทที่ผู้กู้ทำงานด้วย บางกรณีสามารถกู้ในส่วนของประกันชีวิตและอัคคีภัยเพิ่มได้ด้วย หรือบางบริษัทก็มี MOU กับธนาคาร ทำให้ผู้ซื้อมีเงื่อนไขพิเศษแตกต่างกันออกไป


     แต่ไม่ว่านโยบายจะให้กู้ยังไงก็แล้วแต่หากคำนวณออกมาแล้วกำลังซื้อต้องมากกว่าราคาขาย จะให้ดีต้องมากกว่าราคาประเมินธนาคาร จะได้เงินเหลือเยอะขึ้น เงื่อนไขที่ตกลงกันเรื่องของการจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการโอนและจดจำนองว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบเท่าไหร่ยังไง

เพราะ


เงินเหลือ

= วงเงินอนุมัติ-เงินประกันชีวิต-เงินประกันอัคคีภัย-ราคาขายบ้าน-ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ (ค่าโอน จดจำนอง ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย)


สมมตินะสมมติ

ขายบ้านที่ราคา 1,590,000

ประเมินธนาคารได้ 1,790,000

ศักยภาพการกู้ของลูกค้า 1,850,000

เงื่อนไขค่าธรรมเนียมทุกอย่างที่สำนักงานที่ดินจ่ายคนละครึ่ง สมมติว่าคนละ 50,000 ค่าประกันชีวิตและอัคคีภัย 35,000 (ทั้งหมดนี้เป็นตัวเลขสมมติทั้ง เพื่อแสดงให่เห็นวิธีการคิด) นโยบายธนาคารให้กู้ได้ 100% และกู้เพิ่มค่าประกันได้ทั้งหมดจะมีเงินเหลือเท่าไหร่


ถ้าลูกค้ากู้ได้ 100% ของราคาประเมินธนาคาร และกู้เพิ่มได้อีกในส่วนของประกันชีวิตและอัคคีภัย

จะได้วงเงินทั้งสิ้น 1,790,000+35,000

รวมเป็น 1,825,000 บาท อันนี้คือยอดที่ลูกค้าเป็นหนี้ธนาคารและนำไปคำนวณค่าจดจำนองในวันโอนกรรมสิทธิ์ แต่ในส่วน 35,000 นั้นธนาคารจะหักไว้เลย คือยังไงผู้ซื้อก็จะได้ยอดมาที่ 1,790,000 บาท


ทีนี้มาดูว่าจะเหลือเงินมั้ย? และเหลือเท่าไหร่?

เงินเหลือ

 = 1,790,000-1,590,000-50,000

 = 150,000 บาท

แล้วถ้าธนาคารไม่มีนโยบายให้กู้ส่วนเพิ่มล่ะ

เงินเหลือ

= 1,790,000-1,590,000-50,000-35,000

= 115,000 บาท


แล้วถ้าธนาคารให้กู้ 90%ล่ะ

เงินเหลือ

= (1,790,000x90%)-1,590,000-50,000-35,000

= 1,611,000-1,590,000-50,000-35,000

= -64,000 บาท กรณีนี้ลูกค้าต้องเติมเงินเพิ่ม

แล้วถ้าให้กู้ 90% ของราคาประเมินและให้เพิ่มสัญญากู้ประกันชีวิตและอัคคีภัย


เงินเหลือ

= 1,611,000-1,590,000-50,000

=-29,000 บาท ก็ต้องเติมเข้าไปอยู่ดี


เห็นมั้ยว่าแม้กำลังซื้อจะสูง แต่นโยบายธนาคารไม่เอื้ออำนวยก็กู้ได้ยากเหมือนกันนะ นี่ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์เป็นไปได้ยากมากขึ้น เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจ่ายเงินเพิ่ม แต่หากมีเงินเหลือก็ยังพอได้ไปซื้อผ้าม่าน เหล็กดัด มุ้งลวดต่างๆเพื่อให้เข้าอยู่ได้เลย


แล้วถ้ากำลังซื้อลูกค้าได้เท่ากับราคาประเมินล่ะหากกู้ได้ 100%

เงินเหลือ

= 1,790,000-1,590,000-50,000-35,000

=115,000 บาท


กรณีนี้มีส่วนต่างระหว่างราคาขายกับราคาประเมินประมาณ 200,000 บาท จึงเป็นไปได้ง่ายที่จะได้โอน เพราะหากลูกค้ากู้ได้ 100% ยังไงก็มีเงินเหลือนั่นเอง


แต่ถ้าโจทย์ของลูกค้าต้องการเงินเหลือ 200,000 บาท นั่นแปลว่าหากผู้ขายตัดสินใจที่จะขายจะต้องยอมจ่ายอีก 85,000 บาท

จะเหลือยอดขายจริง 1,790,000-85,000 = 1,705,000 บาท ก็ไปเทียบต้นทุนดูว่าเป็นยังไง ก็จะตัดสินใจได้เอง

หรือในกรณีเดียวกันนี้ ธนาคารให้ราคาประเมินมาที่ 1,650,000 บาท กู้ได้ 100%


เงินเหลือ

= 1,650,000-1,590,000-50,000-35,000

= -25,000 บาท นี่คือไม่มีเงินเหลือแถมต้องหาเพิ่มด้วย หากไม่ได้กู้ค่าประกัน

หรือหากได้กู้เพิ่มในส่วนของประกัน


เงินเหลือ

= 1,650,000-1,590,000-50,000

= 10,000 บาท


ยิ่งถ้าราคาประเมินธนาคารนั้นตำ่กว่าราคาขายนี่เจ็บปวดที่สุดเลย

ทั้ง 4 ปัจจัยที่เขียนมาล้วนส่งผลกระทบต่อการขายบ้านทั้งสิ้น เราต้องผสมผสานให้ลงตัวที่สุด ซึ่งเป็นงานที่ยากนะสำหรับเราผู้บันทึกนี้ แต่เราก็จะพยายามให้มากขึ้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วย


มันคงดีถ้าเรารู้ราคาประเมินก่อนตั้งราคาขาย เพราะราคาทุนเรารู้จากการวิเคราะห์โครงการ ส่วนกำลังซื้อเราก็ประมาณได้จากการวิเคราะห์ตลาดแล้ว ถ้าได้ราคาประเมินมาด้วย มันคงตั้งราคาขายได้แม่นยำและสอดคล้องมากขึ้นเนอะ


บทความที่เกี่ยวข้อง

จุดเริ่มต้นเพื่อเข้าใจเรื่องการเงินและบัญชีโครงการ
By Devcron Intelligence November 16, 2022
เมื่อมองเห็ฯภาพรวมของความสัมพันธ์ทั้งหมดเราจะเข้าใจว่าจะต้องดูตรงไหน ยังไง หรือวางแผนการดำเนินโครงการอย่างไรดี แล้วการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงินของโครงการย่อมจะง่ายขึ้น
Tax and real estate developer
By Devcron Intelligence December 1, 2021
ความเข้าใจที่มาของกำไร และเกณฑ์การเสียภาษีเบื้องต้น รู้ว่าคำนวณการเสียภาษีจากเงินได้ยอดไหน จะทำให้การวางแผนเสียภาษีเป็นไปได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมากขึ้น หากไม่เข้าโครงสร้างนี้จะไม่เข้าใจเรื่องของการวางแผนภาษี
บ้านยุค new normal
By Devcron Intelligence December 1, 2021
โรคระบาดมาเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิต ส่งผลให้มีการย้ายถิ่นที่อยู่ พฤติกรรมการทำงานที่บ้าน work from home ซึ่งผลกระทบกับความต้องการที่อยู่อาศัย รวมถึงฟังก์ชั่นของที่อยู่อาศัย ที่ต้องเอื้ออำนวยกับการทำงานที่บ้านมากขึ้น
แนวเขตประปาส่วนภูมิภาค
By Devcron Intelligence November 1, 2021
เว็บไซด์ของการประปาส่วนภูมิภาค เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการประเมินต้นทุนการขยายเขตประปาของงานพัฒนาโครงการ สำหรับนักพัฒนาอสังหาริทรัพย์ ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ทำให้เห็นว่าเราต้องขยายเขตมาไกลแค่ไหน ขนาดท่อประปาเท่าไหร่ มีต้นทุนประมาณเท่าไหร่ เพื่อตัดสินใจคัดสรรที่ดินมาทำโครงการ แต่เป็นเพียงข้อมูลแนวท่อและขนาดท่อที่มีอยู่แล้วเท่านั้น
targeting, กำหนดกลุ่มเป้าหมายโครงการอสังหาริมทรัพย์, real estate how to
By Devcron Intelligence November 1, 2021
การเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเปรียบเสมือนกระดุมเม็ดแรกในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ การทำโครงการไม่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จะทำให้ขายยาก ที่สำคัญอสังหาริมทรัพย์เคลื่อนที่ไม่ได้ หากวางผลิตภัณฑ์ ราคา และทำเล ผิดพลาด เราไม่สามารถย้ายไปขายให้ลูกค้าที่อยู่พื้นที่อื่นได้ ต้องแก้ไขสถานการณ์อย่างยากลำบาก
real estate marketing
By Devcron Intelligence October 29, 2021
เคยมั้ยที่ออกสำรวจตลาดเสร็จ...ได้ข้อมูลมาเต็มไปหมด‼️แต่ไม่รู้จะใช้ประโยชน์ยังไง วันนี้เรามีวิธีการจัดการข้อมูลเหล่านั้นมาสร้างประโยชน์ต่อการทำงานของเราได้นะ มันเป็นหนึ่งในเครื่องมือของการตลาดอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย
real estate developer evolution
By Devcron Intelligence October 29, 2021
การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้นมีขั้นตอนการทำงานส่วนใหญ่เหมือนกัน แต่จะมีระเบียบปฏิบัติและกฎหมายควบคุมแตกต่างกันไปตามขนาด และรูปแบบของโครงการ
LTV 2564
By Devcron Intelligence October 25, 2021
มาตรการผ่อนคลาย LTV2564 ของแบงค์ชาติ นั้นส่งผลให้การกู้ซื้อบ้าน สามารถกู้ได้ 100% ของราคาประเมินธนาคาร นั่นแปลว่า ผู้กู้ซื้อบ้านในช่วงเวลาที่กำหนดอาจเป็นการซื้อบ้านแบบไม่ต้องดาวน์ (เริ่ม20 ตุลาคม 2564-31 ธันวาคม 2565) ทำให้อัตราการโอนกรรมสิทธิ์ขายอสังหาริมทรัพย์มีมากขึ้นด้วย
Product Market Fit
By Devcron Intelligence September 23, 2021
Product Market Fit concept idea for Real Estate development ก่อนทำโครงการใดๆ กระบวนการค้นหาความต้องการของตลาดเป้าหมาย แล้วสรรหาผลิตภัณฑ์มาเพื่อสนองความต้องการนั้นๆ แต่กับโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้นมีความพิเศษตรงที่...มีเรื่องของทำเล...เข้ามาเป็นอีกปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของโครงการด้วย
By Devcron Intelligence September 23, 2021
3 Step การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์
More Posts
Share by: